16เมนูอร่อย "แคลอรี่เบาๆ" ควรค่าแก่การ Share ที่สุด!! +เทคนิคลดน้ำหนักได้ผลจริงของแม่ครัว ChingCanCook!!
มีเพื่อนๆหลายคนถามเข้ามาค่ะ ว่าทำไมแม่ครัวชิ้งถึงไม่อ้วนเลยทั้งๆที่อยู่กับอาหารอร่อยๆทุกวัน..
ความจริงไม่อยากจะบอกเลยว่าชิ้งเคยหนักกว่านี้เป็นสิบโลเลยค่ะ
น้ำหนักมากสุดอยู่ที่ 50 กก ฟังดูอาจจะไม่มากนะคะ แต่ชิ้งสูงแค่ 157 ซมเอง
ประกอบกับเป็นคนมีแก้มเยอะ อ้วนนิดอ้วนหน่อยแก้มมาแบบจัดเต็มจนแทบไม่อยากส่องกระจกเลยค่ะ - -"
ชิ้งพยายามลดน้ำหนักอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะถอดใจไปก่อนทุกครั้ง ทำใจแระว่าต้องใช้ชีวิตอวบนิดๆแบบนั้นไป
จนเข้ามหาลัย แน่นอนหล่ะว่าใครๆก็อยากสวยเน้อ
ชิ้งยอมรับว่าเคยไปซื้อยาลดความอ้วนมาทานค่ะ ผอมจิงไรจิง และใจก็สั่นจิง 555 ทรมาณมากอ่ะ
และพอหยุดยา น้ำหนักก็ขึ้น! แต่คราวนี้ชิ้งควบคุมอาหารไม่ยอมให้กลับไปหนักเท่าเดิมแล้วค่ะ
ช่วงมหาลัยชิ้งก็จะหนักประมาณ 43-44 กก ก็โอเคนะคะ ไม่ถึงกับผอม แต่ก็ไม่อ้วนแล้ว ปรบมือดังๆให้ตัวเอง 1 ที \\^___^//
แต่แล้วในที่สุด ไม่รู้อีท่าไหนก็กลายมาเป็นแม่ครัวชิ้งน้อยตรงนี้
เวลาเห็นหน้าตัวเองผ่านกล้องครั้งแรก ไอ๊หยา! จะแป้มแล้นไปไหนจ๊ะน้อง? ^ ^’
แต่เอาจิงๆอายมากกกกกกกกค่ะ รู้สึกไม่มั่นใจ ก็เลยนั่งเปิดคลิปมองหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ
และแล้วกำลังใจก็มาแบบอัตโนมัติเลยจ้า มาแบบจัดเต็มด้วย 555
ชิ้งเคยลองหลายๆเทคนิคนะคะ ลองทานน้อยลงทุกมื้อ ปรากฏว่ามันโหยมากค่ะ รู้สึกจะขาดใจตาย >.<
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
วันนั้นชิ้งไปทานบุฟเฟ่ห์ปิ้งย่างมาค่ะ ทานมื้อเที่ยงพอดี วันนั้นนี่กินเหมือนปอบเข้า คือกินกระหน่ำสะท้านฟ้า ทรายสีเพลิงมากค่ะ
กินจนแน่นจนไม่สามารถทานมื้อเย็นได้ เพื่อนๆรู้มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น???
วันรุ่งขึ้น เหมือนทุกเช้า ชิ้งก็เดินขึ้นไปชั่งน้ำหนักตามปรกติ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...แท่น แทน แท้น!!! น้ำหนักลดจ้า \\^____^// ลดไปเกือบโลแหน่ะ!!!
ชิ้งรู้สึกเหมือนถูกกล้องจับมาที่หน้า พร้อมไฟที่สาดส่องลงมา พร้อมทำหน้าตาแน่วแน่ และพูดกับตัวเองว่า..
"มันคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ที่แท้! เพียงแค่งดข้าวเย็น! แต่ไปทานมือเช้าและกลางวันหนักๆแทน"
วิธีนี้อยู่รอดปลอดภัย ไม่หิวจนโหย แถมตอนกลางคืนรู้สึกสบายท้อง ไม่แน่นด้วยค่ะ
สรุปเคล็ดที่ไม่ลับของชิ้งนะคะ
1. จัดเต็มกับมื้อเช้า
ชิ้งจะทานมื้อแรกของวันประมาณ10โมงเช้า ทานอะไรก็ได้ที่อยากทานค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า ไก่ทอด ไส้กรอกอีสาน ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ทอด ฯลฯ มื้อนี้จัดหนักเลยค่ะ เอาให้อิ่มกันไปข้าง!
2. เบาลงในมื้อถัดไป
มื้อนี้ชิ้งจะทานประมาณบ่ายโมงครึง เวลานี้ชิ้งจะเลือกทานเมนูเบาๆลงหน่อยค่ะ
อาจจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ไข่ตุ๋น แกงจืด ต้มยำ ยำแซ่บต่างๆ เกาเหลา แกงไตปลา แกงเหลือง ซุปไก่ ฯลฯ
3. งดอาหารหลังบ่าย3
ถ้าทาน2มื้อไปแล้ว ยังแอบหิว ช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่นค่ะ
สามารถหาอะไรเบาๆทานได้อีกหน่อย แต่ต้องควบคุมให้ทานพอหายหิวก็พอนะคะ ไม่ต้องถึงกับอิ่มแป้ล
ชิ้งปฏิบัติตามเทคนิคนี้อย่างเคร่งครัดค่ะ ไม่นานเกินรอชิ้งก็มีน้ำหนักเหลือเพียง 40 กกเท่านั้น!!
จนสามารถพาใบหน้าเข้ากล้องได้อย่างมั่นใจ \\^____^// ก็ไม่รู้สินะ!
ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวแอบนำเทคนิคนี้ไปใช้กันใหญ่ และน้ำหนักลดลงทุกคนเลยค่ะ
เพื่อนๆคนไหนสนใจ สามารถนำไปลองปฏิบัติดูได้นะคะ ถ้าชิ้งทำได้ เพื่อนๆก็ต้องทำได้ค่ะ! สู้ๆ!
นอกจากจะบอกกลเม็ดเคล็ดลับลดหุ่นของชิ้งแล้ว ในกระทู้นี้ชิ้งยังนำสูตรอาหารอร่อยแคลอรี่เบาๆมาฝากเพื่อนๆด้วยค่ะ
ชิ้งเฟ้นหาเมนูที่เพื่อนๆหลายคนอาจนึกไม่ถึงมาฝากนะคะ
เพราะลำพังเมนูที่ใครๆก็นึกได้ อาทิยำวุ้นเส้น ผัดผัก เพื่อนๆน่าจะนึกกันออกอยู่แล้ว
ลองทาน set menu ของชิ้งสลับกันไปเรื่อยๆนะคะ จะได้ไม่เบื่อ
ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว ก็ตามมารับชมกันได้เลยคร่า ^____<
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวก้นครัวทั้งหลาย
วันนี้ชิ้งได้รวบรวมเมนูข้าวผัดทั้งหมด 16 เมนู แคลอรี่เบาๆ พร้อมสูตรลดอ้วนที่แม่ครัว ChingCanCook ได้ทดลองสำเร็จมาแนะนำให้เพื่อนๆ
วิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลย ชิ้งเชื่อว่าเพื่อนๆสามารถทำตามกันได้ง่ายๆ เลยละค่ะ
ความจริงไม่อยากจะบอกเลยว่าชิ้งเคยหนักกว่านี้เป็นสิบโลเลยค่ะ
น้ำหนักมากสุดอยู่ที่ 50 กก ฟังดูอาจจะไม่มากนะคะ แต่ชิ้งสูงแค่ 157 ซมเอง
ประกอบกับเป็นคนมีแก้มเยอะ อ้วนนิดอ้วนหน่อยแก้มมาแบบจัดเต็มจนแทบไม่อยากส่องกระจกเลยค่ะ - -"
ชิ้งพยายามลดน้ำหนักอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะถอดใจไปก่อนทุกครั้ง ทำใจแระว่าต้องใช้ชีวิตอวบนิดๆแบบนั้นไป
จนเข้ามหาลัย แน่นอนหล่ะว่าใครๆก็อยากสวยเน้อ
ชิ้งยอมรับว่าเคยไปซื้อยาลดความอ้วนมาทานค่ะ ผอมจิงไรจิง และใจก็สั่นจิง 555 ทรมาณมากอ่ะ
และพอหยุดยา น้ำหนักก็ขึ้น! แต่คราวนี้ชิ้งควบคุมอาหารไม่ยอมให้กลับไปหนักเท่าเดิมแล้วค่ะ
ช่วงมหาลัยชิ้งก็จะหนักประมาณ 43-44 กก ก็โอเคนะคะ ไม่ถึงกับผอม แต่ก็ไม่อ้วนแล้ว ปรบมือดังๆให้ตัวเอง 1 ที \\^___^//
แต่แล้วในที่สุด ไม่รู้อีท่าไหนก็กลายมาเป็นแม่ครัวชิ้งน้อยตรงนี้
เวลาเห็นหน้าตัวเองผ่านกล้องครั้งแรก ไอ๊หยา! จะแป้มแล้นไปไหนจ๊ะน้อง? ^ ^’
แต่เอาจิงๆอายมากกกกกกกกค่ะ รู้สึกไม่มั่นใจ ก็เลยนั่งเปิดคลิปมองหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ
และแล้วกำลังใจก็มาแบบอัตโนมัติเลยจ้า มาแบบจัดเต็มด้วย 555
ชิ้งเคยลองหลายๆเทคนิคนะคะ ลองทานน้อยลงทุกมื้อ ปรากฏว่ามันโหยมากค่ะ รู้สึกจะขาดใจตาย >.<
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
วันนั้นชิ้งไปทานบุฟเฟ่ห์ปิ้งย่างมาค่ะ ทานมื้อเที่ยงพอดี วันนั้นนี่กินเหมือนปอบเข้า คือกินกระหน่ำสะท้านฟ้า ทรายสีเพลิงมากค่ะ
กินจนแน่นจนไม่สามารถทานมื้อเย็นได้ เพื่อนๆรู้มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น???
วันรุ่งขึ้น เหมือนทุกเช้า ชิ้งก็เดินขึ้นไปชั่งน้ำหนักตามปรกติ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ...แท่น แทน แท้น!!! น้ำหนักลดจ้า \\^____^// ลดไปเกือบโลแหน่ะ!!!
ชิ้งรู้สึกเหมือนถูกกล้องจับมาที่หน้า พร้อมไฟที่สาดส่องลงมา พร้อมทำหน้าตาแน่วแน่ และพูดกับตัวเองว่า..
"มันคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ ที่แท้! เพียงแค่งดข้าวเย็น! แต่ไปทานมือเช้าและกลางวันหนักๆแทน"
วิธีนี้อยู่รอดปลอดภัย ไม่หิวจนโหย แถมตอนกลางคืนรู้สึกสบายท้อง ไม่แน่นด้วยค่ะ
สรุปเคล็ดที่ไม่ลับของชิ้งนะคะ
1. จัดเต็มกับมื้อเช้า
ชิ้งจะทานมื้อแรกของวันประมาณ10โมงเช้า ทานอะไรก็ได้ที่อยากทานค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า ไก่ทอด ไส้กรอกอีสาน ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ทอด ฯลฯ มื้อนี้จัดหนักเลยค่ะ เอาให้อิ่มกันไปข้าง!
2. เบาลงในมื้อถัดไป
มื้อนี้ชิ้งจะทานประมาณบ่ายโมงครึง เวลานี้ชิ้งจะเลือกทานเมนูเบาๆลงหน่อยค่ะ
อาจจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ไข่ตุ๋น แกงจืด ต้มยำ ยำแซ่บต่างๆ เกาเหลา แกงไตปลา แกงเหลือง ซุปไก่ ฯลฯ
3. งดอาหารหลังบ่าย3
ถ้าทาน2มื้อไปแล้ว ยังแอบหิว ช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่นค่ะ
สามารถหาอะไรเบาๆทานได้อีกหน่อย แต่ต้องควบคุมให้ทานพอหายหิวก็พอนะคะ ไม่ต้องถึงกับอิ่มแป้ล
ชิ้งปฏิบัติตามเทคนิคนี้อย่างเคร่งครัดค่ะ ไม่นานเกินรอชิ้งก็มีน้ำหนักเหลือเพียง 40 กกเท่านั้น!!
จนสามารถพาใบหน้าเข้ากล้องได้อย่างมั่นใจ \\^____^// ก็ไม่รู้สินะ!
ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวแอบนำเทคนิคนี้ไปใช้กันใหญ่ และน้ำหนักลดลงทุกคนเลยค่ะ
เพื่อนๆคนไหนสนใจ สามารถนำไปลองปฏิบัติดูได้นะคะ ถ้าชิ้งทำได้ เพื่อนๆก็ต้องทำได้ค่ะ! สู้ๆ!
นอกจากจะบอกกลเม็ดเคล็ดลับลดหุ่นของชิ้งแล้ว ในกระทู้นี้ชิ้งยังนำสูตรอาหารอร่อยแคลอรี่เบาๆมาฝากเพื่อนๆด้วยค่ะ
ชิ้งเฟ้นหาเมนูที่เพื่อนๆหลายคนอาจนึกไม่ถึงมาฝากนะคะ
เพราะลำพังเมนูที่ใครๆก็นึกได้ อาทิยำวุ้นเส้น ผัดผัก เพื่อนๆน่าจะนึกกันออกอยู่แล้ว
ลองทาน set menu ของชิ้งสลับกันไปเรื่อยๆนะคะ จะได้ไม่เบื่อ
ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว ก็ตามมารับชมกันได้เลยคร่า ^____<
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวก้นครัวทั้งหลาย
วันนี้ชิ้งได้รวบรวมเมนูข้าวผัดทั้งหมด 16 เมนู แคลอรี่เบาๆ พร้อมสูตรลดอ้วนที่แม่ครัว ChingCanCook ได้ทดลองสำเร็จมาแนะนำให้เพื่อนๆ
วิธีทำนั้นก็ไม่ยากเลย ชิ้งเชื่อว่าเพื่อนๆสามารถทำตามกันได้ง่ายๆ เลยละค่ะ
1.แกงจืดตำลึง เต้าหู้ หมูสับ
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 น้ำซุป
2 ใบตำลึง
3 เต้าหู้ไข่
4 หมูสับ
5 ซีอิ้วขาว
6 น้ำมันงา
7 ไช้โป้วเค็มสับละเอียด
8 รากผักชีสับละเอียด
9 พริกไทยป่น
10 เกลือป่น
11 กระเทียมเจียวสำหรับโรยหน้า (ถ้าเคร่งมากก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
วิธีทำ
1 ปรุงหมูสับด้วยไช้โป้วเค็มสับ รากผักชีสับละเอียด ซีอิ้วขาว น้ำมันงา พริกไทยป่น ใช้ฝ่ามือนวดหมูสับจนหนึบ พักไว้
2 ตั้งน้ำซุปจนเดือด ใช้มือปั้นหมูสับเป็นทรงกลม ทยอยนำลงไปต้มจนก้อนหมูสับเกือบสุก ใส่เต้าหู้ไข่ตามลงไปค่ะ พอทั้งหมูสับและเต้าหู้ลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้ว
3 ปรุงรสชาติแกงจืดด้วยเกลือป่น ซีอิ้วขาวเล็กน้อย พริกไทยป่น ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ เร่งไฟให้เดือดใส่ใบตำลึงลงไปเลยค่ะ คนเล็กน้อยแล้วปิดไฟเลยค่ะ เวลาเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียวเพิ่มความหอม
2.แกงไตปลา
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 ไตปลา ชิ้งใช้เป็นแบบขวดที่ขายตามตลาดสดค่ะ
2 ปลาทูสด
3 ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
4 หน่อไม้ลวก
5 ถั่วฝักยาว
6 ฟักทอง
7 มะเขือเปาะ
8 น้ำพริกแกงเผ็ดใต้
9 น้ำตาลปี๊บ
10 น้ำมะขามเปียก
วิธีทำ
1 นำปลาทูสดไปย่างจนเกรียมสวยหอมฟุ้ง แกะเอาเฉพาะเนื้อปลาทู พักไว้ค่ะ
2 แม่ครัวใช้ไตปลาที่เป็นขวดๆค่ะ เป็นไตปลาทู 1 ขวด ผสมกับน้ำประมาณ 6-8เท่า ต้มจนเดือด จากนั้นใส่ข่า+ตะไคร้ฝาน ใบมะกรูดลงไปเยอะๆเลยค่ะ หอมดีดับคาวด้วย
3 เมื่อต้มน้ำซุปไตปลาสักพักจนสมุนไพรต่างๆออกรสเต็มที่แล้ว ให้ใช้ตะแกรงกรองเอาสมุนไพรเหล่านั้นออกให้หมด ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ลงไปมากน้อยขึ้นอยู่กับความชอบค่ะ จากนั้นระดมใส่บรรดาผักลงไปโดยเริ่มจากผักที่แข็งๆก่อน ฟักทอง หน่อไม้ มะเขือเปาะ และถั่วฝักยาวตามลำดับ ผักจะได้เปื่อยพอๆกัน ใส่ใบมะกรูดลงไปเพิ่มเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ชิมจนได้รสที่ชอบ สุดท้ายใส่เนื้อปลาทูย่างลงไป เป็นอันเสร็จ
1 ไตปลา ชิ้งใช้เป็นแบบขวดที่ขายตามตลาดสดค่ะ
2 ปลาทูสด
3 ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
4 หน่อไม้ลวก
5 ถั่วฝักยาว
6 ฟักทอง
7 มะเขือเปาะ
8 น้ำพริกแกงเผ็ดใต้
9 น้ำตาลปี๊บ
10 น้ำมะขามเปียก
วิธีทำ
1 นำปลาทูสดไปย่างจนเกรียมสวยหอมฟุ้ง แกะเอาเฉพาะเนื้อปลาทู พักไว้ค่ะ
2 แม่ครัวใช้ไตปลาที่เป็นขวดๆค่ะ เป็นไตปลาทู 1 ขวด ผสมกับน้ำประมาณ 6-8เท่า ต้มจนเดือด จากนั้นใส่ข่า+ตะไคร้ฝาน ใบมะกรูดลงไปเยอะๆเลยค่ะ หอมดีดับคาวด้วย
3 เมื่อต้มน้ำซุปไตปลาสักพักจนสมุนไพรต่างๆออกรสเต็มที่แล้ว ให้ใช้ตะแกรงกรองเอาสมุนไพรเหล่านั้นออกให้หมด ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ลงไปมากน้อยขึ้นอยู่กับความชอบค่ะ จากนั้นระดมใส่บรรดาผักลงไปโดยเริ่มจากผักที่แข็งๆก่อน ฟักทอง หน่อไม้ มะเขือเปาะ และถั่วฝักยาวตามลำดับ ผักจะได้เปื่อยพอๆกัน ใส่ใบมะกรูดลงไปเพิ่มเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ชิมจนได้รสที่ชอบ สุดท้ายใส่เนื้อปลาทูย่างลงไป เป็นอันเสร็จ
3.แกงเลียงกุ้งสด
วัตถุดิบมีดังนี้
1 น้ำซุปหรือน้ำเปล่า
2 พริกแกงเลียง
3 ข้าวโพดอ่อน
4 ฟักทอง
5 บวบ
6 กระชายซอย
7 กุ้งสด
เครื่องแกง แกงเลียง
1.กระชาย
2.พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก
3.พริกไทยขาว
4.หอมแดงหัวขนาดกลาง
5.กุ้งแห้ง
6.กะปิ
วิธีทำ
1 โขลกส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกแกงเลียงจนแหลก พักไว้
2 ตั้งน้ำซุปหรือน้ำเปล่าจนเดือด ใส่พริกแกง แกงเลียงที่โขลกไว้เมื่อสักครู่ลงไป
3 ใส่ข้าวโพดอ่อน ฟักทองลงไป ต้มจนฟักทองเริ่มนิ่ม จากนั้นค่อยใส่บวบค่ะ ถ้าชอบเผ็ดก็สามารถใส่พริกสับได้ค่ะ
4 พอทุกอย่างสุกก็ใส่กุ้งสด ตามด้วยใบแมงลัก เป็นอันเสร็จ ทานกับขนมจีน
1 น้ำซุปหรือน้ำเปล่า
2 พริกแกงเลียง
3 ข้าวโพดอ่อน
4 ฟักทอง
5 บวบ
6 กระชายซอย
7 กุ้งสด
เครื่องแกง แกงเลียง
1.กระชาย
2.พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก
3.พริกไทยขาว
4.หอมแดงหัวขนาดกลาง
5.กุ้งแห้ง
6.กะปิ
วิธีทำ
1 โขลกส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกแกงเลียงจนแหลก พักไว้
2 ตั้งน้ำซุปหรือน้ำเปล่าจนเดือด ใส่พริกแกง แกงเลียงที่โขลกไว้เมื่อสักครู่ลงไป
3 ใส่ข้าวโพดอ่อน ฟักทองลงไป ต้มจนฟักทองเริ่มนิ่ม จากนั้นค่อยใส่บวบค่ะ ถ้าชอบเผ็ดก็สามารถใส่พริกสับได้ค่ะ
4 พอทุกอย่างสุกก็ใส่กุ้งสด ตามด้วยใบแมงลัก เป็นอันเสร็จ ทานกับขนมจีน
4.แกงเหลืองปลาแซลม่อน
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 กุ้งสด
2 พริกแกงเหลือง หรือพริกแกงส้มใต้
3 กะปิเล็กน้อย
4 น้ำซุป
5 มะละกอดิบฝานเป็นชิ้นๆ
6 น้ำมะขามเปียก
7 น้ำตาลปี๊บ
8 น้ำตาลทราย
9 น้ำปลา
10 น้ำมะนาว
11 ปลาแซลมอน
วิธีทำ
1ผสมแป้งมันหรือแป้งข้าวโพดเข้ากับเกลือและน้ำเปล่า แกะกุ้งผ่าหลังดึงเส้นดำออก จากนั้นแช่ในน้ำแป้งซักครู่ ทั้งนี้เพื่อลดความคาวและช่วยให้กุ้งเด้งด้วยค่ะ
2 ล้างกุ้งด้วยน้ำสะอาดจากนั้นลวกกุ้งในน้ำเดือดจนสุกเทน้ำทิ้งไปค่ะ
1 กุ้งสด
2 พริกแกงเหลือง หรือพริกแกงส้มใต้
3 กะปิเล็กน้อย
4 น้ำซุป
5 มะละกอดิบฝานเป็นชิ้นๆ
6 น้ำมะขามเปียก
7 น้ำตาลปี๊บ
8 น้ำตาลทราย
9 น้ำปลา
10 น้ำมะนาว
11 ปลาแซลมอน
วิธีทำ
1ผสมแป้งมันหรือแป้งข้าวโพดเข้ากับเกลือและน้ำเปล่า แกะกุ้งผ่าหลังดึงเส้นดำออก จากนั้นแช่ในน้ำแป้งซักครู่ ทั้งนี้เพื่อลดความคาวและช่วยให้กุ้งเด้งด้วยค่ะ
2 ล้างกุ้งด้วยน้ำสะอาดจากนั้นลวกกุ้งในน้ำเดือดจนสุกเทน้ำทิ้งไปค่ะ
3 ขั้นตอนต่อไปนำกุ้งไปตำจนละเอียด ใส่เครื่องแกงลงไปตำด้วย เติมกะปิลงไปนิดนึง
4 ตั้งน้ำซุปกระดูกหมู หรือซุปไก่จนเดือด จากนั้นก็ตักน้ำซุปเดือดๆส่วนหนึ่งลงมาในครกที่มีพริกแกง ใช้ทัพพียีๆๆๆๆให้พริกแกงไม่จับเป็นก้อน จากนั้นก็ใส่พริกแกงไปในน้ำซุป ตั้งน้ำจนเดือด ลดไฟแล้วต้มซักพักให้งวดเล็กน้อย ใส่มะละกอฝานลงไป แค่ 15นาที มะละกอก็จะนิ่มได้ที่แล้วค่ะ
5 ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว ชิมจนได้รสที่ชอบ
6 สุดท้ายใส่ปลาแซลมอนลงไป ต้มจนสุก พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
4 ตั้งน้ำซุปกระดูกหมู หรือซุปไก่จนเดือด จากนั้นก็ตักน้ำซุปเดือดๆส่วนหนึ่งลงมาในครกที่มีพริกแกง ใช้ทัพพียีๆๆๆๆให้พริกแกงไม่จับเป็นก้อน จากนั้นก็ใส่พริกแกงไปในน้ำซุป ตั้งน้ำจนเดือด ลดไฟแล้วต้มซักพักให้งวดเล็กน้อย ใส่มะละกอฝานลงไป แค่ 15นาที มะละกอก็จะนิ่มได้ที่แล้วค่ะ
5 ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว ชิมจนได้รสที่ชอบ
6 สุดท้ายใส่ปลาแซลมอนลงไป ต้มจนสุก พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
5.ไข่ตุ๋น
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 ไข่ไก่ 2 ฟอง
2 น้ำซุปหรือน้ำเปล่าประมาณ 165 มล.
3 โชยุ
4 ผงปรุงรส
5 กระเทียมเจียว (ถ้าเขร่งมากก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
6 พริกไทยป่น
7 หมูสับ (วันนี้ชิ้งใส่หมูสับด้วยค่ะ เพื่อนๆจะไม่ใส่ก็ได้น้า)
8 ต้นหอมผักชีสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1 ตอกไข่ใส่ชาม ตีไข่ค่ะ
2 จากนั้นเติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไป ใส่หมูสับ ปรุงรสด้วยโชยุ ผงปรุงรส พริกไทยป่น ใส่กระเทียมเจียวส่วนหนึ่งลงไปเพิ่มความหอมค่ะ อีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้สำหรับโรยหน้า อย่าลืมคนให้เข้ากันนะคะ
3 สุดท้ายซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือนำไปนึ่งค่ะ เทคนิคที่จะทำให้หน้าไข่ตุ๋นเราเรียบสวย ไม่ระเบิดนะคะ เพื่อนๆต้องใช้ไฟอ่อนๆตุ๋นประมาณ 15-20นาที ถ้าใช้ไฟแรง หน้าไข่ตุ๋นจะไม่สวยเลยค่ะ แต่ก็อร่อยอยู่ดี 555
1 ไข่ไก่ 2 ฟอง
2 น้ำซุปหรือน้ำเปล่าประมาณ 165 มล.
3 โชยุ
4 ผงปรุงรส
5 กระเทียมเจียว (ถ้าเขร่งมากก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
6 พริกไทยป่น
7 หมูสับ (วันนี้ชิ้งใส่หมูสับด้วยค่ะ เพื่อนๆจะไม่ใส่ก็ได้น้า)
8 ต้นหอมผักชีสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1 ตอกไข่ใส่ชาม ตีไข่ค่ะ
2 จากนั้นเติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไป ใส่หมูสับ ปรุงรสด้วยโชยุ ผงปรุงรส พริกไทยป่น ใส่กระเทียมเจียวส่วนหนึ่งลงไปเพิ่มความหอมค่ะ อีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้สำหรับโรยหน้า อย่าลืมคนให้เข้ากันนะคะ
3 สุดท้ายซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือนำไปนึ่งค่ะ เทคนิคที่จะทำให้หน้าไข่ตุ๋นเราเรียบสวย ไม่ระเบิดนะคะ เพื่อนๆต้องใช้ไฟอ่อนๆตุ๋นประมาณ 15-20นาที ถ้าใช้ไฟแรง หน้าไข่ตุ๋นจะไม่สวยเลยค่ะ แต่ก็อร่อยอยู่ดี 555
6.ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 ต้นอ่อนทานตะวัน
2 กระเทียมสับละเอียด
3 น้ำมันหอย
4 ซีอิ้วขาว
5 น้ำตาลทราย
6 พริกไทยป่น
7 เหล้าจีน
วิธีทำ
1 ตั้งกระทะเจียวกระเทียมสับจนหอม
2 ใส่ต้นอ่อนทานตะวันลงไปเลยค่ะ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว เหล้าจีน น้ำตาลทราย พริกไทยป่น เติมน้ำให้พอขลุกขลิก ชิมแล้วปรับรสชาติตามชอบ
2 กระเทียมสับละเอียด
3 น้ำมันหอย
4 ซีอิ้วขาว
5 น้ำตาลทราย
6 พริกไทยป่น
7 เหล้าจีน
วิธีทำ
1 ตั้งกระทะเจียวกระเทียมสับจนหอม
2 ใส่ต้นอ่อนทานตะวันลงไปเลยค่ะ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว เหล้าจีน น้ำตาลทราย พริกไทยป่น เติมน้ำให้พอขลุกขลิก ชิมแล้วปรับรสชาติตามชอบ
7.ต้มยำกุ้ง "พิชิตหุ่นสวยด้วยต้มยำกุ้ง เมนูไดเอทไม่เกิน 100 แคลอรี่ช่วยคุณได้! สูตรนี้ทำเป็น ผอมแน่จ้า"
ไม่น่าเชื่อว่าอาหารประจำชาติอย่างต้มยำกุ้ง จะถูกจัดเป็นอาหารลดน้ำหนักอีกเมนูนึง เพราะต้มยำกุ้งน้ำใส 1ถ้วยให้พลังงานเพียง 66 กิโลแคลอรี่เท่านั้น แถมหาทานได้ง่าย รสชาติอร่อย มีทั้งรสเปรี้ยวและเผ็ดร้อนจากสมุนไพรนานาชนิด ช่วยขับเหงื่อ อีกทั้งช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าเพราะได้โปรตีนจากเนื้อกุ้ง แถมถ้าเพื่อนๆทานทั้งเปลือก ยังได้แคลเซียมอีกด้วยนะคะ
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังไดเอท ชิ้งแนะนำให้ทานเป็นซุปร้อนๆแทนอาหารเย็นค่ะ แคลอรี่เบาๆแบบนี้รับรองได้เลยว่าเห็นผลเร็วแน่นอน แถมอร่อยอีกต่างหาก ถ้าพร้อมแล้วมาดูวัตถุดิบที่ต้องเตรียมกันเลย…
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 น้ำซุป
2 ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
3 พริก
4 ผักชีฝรั่ง
5 กุ้งสด
6 เห็ดฟาง
7 น้ำพริกเผา
8 น้ำปลา
9 น้ำตาลทราย
10 มะนาว
วิธีทำ
1 ตั้งน้ำซุปจนเดือด
2 ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ผักชีฝรั่งลงไปต้มจนสมุนไพรเหล่านี้สลดและออกรสออกกลิ่นเต็มที่
3 ปรุงรสชาติด้วยน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลทรายและมะนาว ปรุงแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ
4 สุดท้ายใส่กุ้งสดลงไปต้มจนสุก ตามด้วยเห็ดฟาง เวลาเสิร์ฟโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งซอยเป็นอันเสร็จ
8.เต้าหู้ญี่ปุ่นเย็นราดโชยุ
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 เต้าหู้ญี่ปุ่นเย็น (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ อยู่โซนเต้าหู้ค่ะ)
2 โชยุ
3 ปลาโออบแห้ง (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ แผนกอาหารญี่ปุ่น)
4 ต้นหอมซอย
5 น้ำมันพริกเผาแบบญี่ปุ่น หรือ La-yu Chili Oil (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ แผนกอาหารญี่ปุ่น)
วิธีทำ
1 เลือกใช้เต้าหู้ญี่ปุ่นเย็น แกะแล้วเทน้ำทิ้งไป จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นๆพอคำ
2 โรยหน้าเต้าหู้เย็นด้วยโชยุและน้ำมันพริกเผา (ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ) จากนั้นก็กระหน่ำโรยต้นหอมซอยและปลาโออบแห้ง
1 เต้าหู้ญี่ปุ่นเย็น (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ อยู่โซนเต้าหู้ค่ะ)
2 โชยุ
3 ปลาโออบแห้ง (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ แผนกอาหารญี่ปุ่น)
4 ต้นหอมซอย
5 น้ำมันพริกเผาแบบญี่ปุ่น หรือ La-yu Chili Oil (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ทั่วไปค่ะ แผนกอาหารญี่ปุ่น)
วิธีทำ
1 เลือกใช้เต้าหู้ญี่ปุ่นเย็น แกะแล้วเทน้ำทิ้งไป จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นๆพอคำ
2 โรยหน้าเต้าหู้เย็นด้วยโชยุและน้ำมันพริกเผา (ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ) จากนั้นก็กระหน่ำโรยต้นหอมซอยและปลาโออบแห้ง
9.น้ำพริกกะปิ ปลาทู ผักสด
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 กะปิ
2 พริกขี้หนูสวน
3 พริกจินดา
4 กระเทียมไทย
5 น้ำตาลปี๊บ
6 น้ำต้มสุก
7 น้ำเชื่อม
8 น้ำมะนาว
9 มะเขือพวง
10 ปลาทูทอด
11 ผักสดต่างๆ
วิธีทำ
1 ห่อกะปิอย่างดีด้วยกระดาษฟรอยด์ แล้วนำไปย่างบนกระทะจนหอม
2 โขลกพริกขี้หนูสวน พริกจินดา กระเทียมไทยเข้าด้วยกันจนแหลก ใส่กะปิย่างลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ ใช้สากนวดจนทุกอย่างแหลก เติมน้ำต้มสุกลงไปซักหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำเชื่อม น้ำมะนาว เวลาเสิร์ฟโรยหน้าน้ำพริกด้วยมะเขือพวงและพริกขี้หนูสวน
1 กะปิ
2 พริกขี้หนูสวน
3 พริกจินดา
4 กระเทียมไทย
5 น้ำตาลปี๊บ
6 น้ำต้มสุก
7 น้ำเชื่อม
8 น้ำมะนาว
9 มะเขือพวง
10 ปลาทูทอด
11 ผักสดต่างๆ
วิธีทำ
1 ห่อกะปิอย่างดีด้วยกระดาษฟรอยด์ แล้วนำไปย่างบนกระทะจนหอม
2 โขลกพริกขี้หนูสวน พริกจินดา กระเทียมไทยเข้าด้วยกันจนแหลก ใส่กะปิย่างลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ ใช้สากนวดจนทุกอย่างแหลก เติมน้ำต้มสุกลงไปซักหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำเชื่อม น้ำมะนาว เวลาเสิร์ฟโรยหน้าน้ำพริกด้วยมะเขือพวงและพริกขี้หนูสวน
10.ยำกระเจี๊ยบเขียว
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 กระเจี๊ยบเขียวสด
2 กะทิ (ถ้าเคร่งมาก เปลี่ยนเป็นนมพร่องมันเนย)
3 มะนาว
4 ซีอิ้วขาว
5 น้ำตาลปึก
6 น้ำพริกเผา
7 กระเทียมสับละเอียด
8 พริกสับละเอียด
9 หอมแดงซอยบาง
10 ขิงอ่อนทั้งแบบสับละเอียดและซอยบาง
11 พริกชี้ฟ้าเหลืองซอยบางเพื่อเพิ่มกลิ่น
12 หอมแดงเจียวสำหรับโรยหน้า (ถ้าเคร่ง ไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะ)
วิธีทำ
1 ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย นำกระเจี๊ยบลงไปลวกแค่ 1 นาทีพอ จากนั้นรีบยกขึ้นแล้วน็อคในน้ำเย็นจัด ซอยบางๆแบบนี้ พักไว้ จากนั้นก็ลวกกุ้งสดจนสุกเช่นกัน พักไว้
2 ปรุงน้ำยำด้วยน้ำพริกเผา มะนาว น้ำตาลปึก ซีอิ้วขาว พริกสับละเอียด กะทิ ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ
3 ใส่กระเทียมสับ ขิงอ่อนสับละเอียดและแบบซอยบาง หอมแดงซอยบาง พริกชีฟ้าซอยบางลงไปคลุกเคล้าในน้ำยำ สุดท้ายใส่กระเจี๊ยบลวกและกุ้งสดลงไปยำเข้าด้วยกัน
1 กระเจี๊ยบเขียวสด
2 กะทิ (ถ้าเคร่งมาก เปลี่ยนเป็นนมพร่องมันเนย)
3 มะนาว
4 ซีอิ้วขาว
5 น้ำตาลปึก
6 น้ำพริกเผา
7 กระเทียมสับละเอียด
8 พริกสับละเอียด
9 หอมแดงซอยบาง
10 ขิงอ่อนทั้งแบบสับละเอียดและซอยบาง
11 พริกชี้ฟ้าเหลืองซอยบางเพื่อเพิ่มกลิ่น
12 หอมแดงเจียวสำหรับโรยหน้า (ถ้าเคร่ง ไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะ)
วิธีทำ
1 ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย นำกระเจี๊ยบลงไปลวกแค่ 1 นาทีพอ จากนั้นรีบยกขึ้นแล้วน็อคในน้ำเย็นจัด ซอยบางๆแบบนี้ พักไว้ จากนั้นก็ลวกกุ้งสดจนสุกเช่นกัน พักไว้
2 ปรุงน้ำยำด้วยน้ำพริกเผา มะนาว น้ำตาลปึก ซีอิ้วขาว พริกสับละเอียด กะทิ ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ
3 ใส่กระเทียมสับ ขิงอ่อนสับละเอียดและแบบซอยบาง หอมแดงซอยบาง พริกชีฟ้าซอยบางลงไปคลุกเคล้าในน้ำยำ สุดท้ายใส่กระเจี๊ยบลวกและกุ้งสดลงไปยำเข้าด้วยกัน
11.ยำก้านคะน้ากุ้งสด
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 กุ้ง
2 หมูสับ
3 ก้านคะน้าหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
4 แครอทหั่นเต๋า
5 พริกแดงสับละเอียด
6 กระเทียมสับละเอียด
7 น้ำเชื่อม
8 น้ำปลา
9 น้ำมะนาว
10 หอมแดงซอย
วิธีทำ
1 ต้มน้ำให้เดือด นำก้านคะน้าและแครอทลงไปลวก จากนั้นรีบยกขึ้นแล้วแช่น้ำเย็นจัดเพื่อให้คงสีสวย
2 ลวกกุ้งและหมูสับจนสุก พักไว้
3. หาชามผสมมาซักใบเตรียมน้ำยำ ผสมน้ำมะนาว น้ำเชื่อม น้ำปลา คนให้เข้ากัน เติมพริก กระเทียม หอมแดง คะน้า แครอท กุ้งลวกสุกและหมูสับลวกสุก คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
1 กุ้ง
2 หมูสับ
3 ก้านคะน้าหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
4 แครอทหั่นเต๋า
5 พริกแดงสับละเอียด
6 กระเทียมสับละเอียด
7 น้ำเชื่อม
8 น้ำปลา
9 น้ำมะนาว
10 หอมแดงซอย
วิธีทำ
1 ต้มน้ำให้เดือด นำก้านคะน้าและแครอทลงไปลวก จากนั้นรีบยกขึ้นแล้วแช่น้ำเย็นจัดเพื่อให้คงสีสวย
2 ลวกกุ้งและหมูสับจนสุก พักไว้
3. หาชามผสมมาซักใบเตรียมน้ำยำ ผสมน้ำมะนาว น้ำเชื่อม น้ำปลา คนให้เข้ากัน เติมพริก กระเทียม หอมแดง คะน้า แครอท กุ้งลวกสุกและหมูสับลวกสุก คลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
12.ยำมะเขือยาว
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 มะเขือยาว
2 กุ้งลวกสุก
3 ไข่ต้ม
4 หมูสับลวกสุก
5 พริกสับละเอียด
6 หอมแดงซอย
7 มะม่วงเปรี้ยวซอย
8 น้ำปลา
9 น้ำมะนาว
10 น้ำเชื่อม
วิธีทำ
1 นำมะเขือยาวไปเข้าเตาอบจนเปลือกกลายเป็นสีดำและด้านในนุ่ม (หรือเพื่อนๆจะย่างบนเตาถ่าน หรือย่างบนกระทะก็ได้ค่ะ) พอมะเขือได้ที่ ให้ปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วนำไปจัดจานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
2 ปรุงน้ำยำด้วยพริกสับ น้ำปลา น้ำเชื่อม มะนาว ชิมจนได้รสจัดจ้าน ใส่มะม่วงซอยและหอมแดงซอยลงไป สุดท้ายก็นำหมูสับและกุ้งลวกลงไปคลุกเคล้า ราดไปบนมะเขือยาวเผา เสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม
1 มะเขือยาว
2 กุ้งลวกสุก
3 ไข่ต้ม
4 หมูสับลวกสุก
5 พริกสับละเอียด
6 หอมแดงซอย
7 มะม่วงเปรี้ยวซอย
8 น้ำปลา
9 น้ำมะนาว
10 น้ำเชื่อม
วิธีทำ
1 นำมะเขือยาวไปเข้าเตาอบจนเปลือกกลายเป็นสีดำและด้านในนุ่ม (หรือเพื่อนๆจะย่างบนเตาถ่าน หรือย่างบนกระทะก็ได้ค่ะ) พอมะเขือได้ที่ ให้ปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วนำไปจัดจานเสิร์ฟได้เลยค่ะ
2 ปรุงน้ำยำด้วยพริกสับ น้ำปลา น้ำเชื่อม มะนาว ชิมจนได้รสจัดจ้าน ใส่มะม่วงซอยและหอมแดงซอยลงไป สุดท้ายก็นำหมูสับและกุ้งลวกลงไปคลุกเคล้า ราดไปบนมะเขือยาวเผา เสิร์ฟพร้อมไข่ต้ม
13.ยำสลัดปลาทูน่าสไตล์ญี่ปุ่น
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 ปลาทูน่าในน้ำเกลือ
2 มายองเนส
3 น้ำเชื่อม
4 น้ำมะนาว
5 พริกแดงซอย
6 ตะไคร้ซอย
7 หอมแดงซอย
8 มะเขือเทศราชินี
9 ผักกาดแก้ว
วิธีทำ
ผสมมายองเนส น้ำเชื่อม น้ำมะนาว พริกแดงซอย ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย มะเขือเทศราชินี ชิมให้ได้รสแซ่บๆ จากนั้นใส่ผักกาดแก้วและเนื้อปลาทูน่าลงไปคลุกเคล้าค่ะ
1 ปลาทูน่าในน้ำเกลือ
2 มายองเนส
3 น้ำเชื่อม
4 น้ำมะนาว
5 พริกแดงซอย
6 ตะไคร้ซอย
7 หอมแดงซอย
8 มะเขือเทศราชินี
9 ผักกาดแก้ว
วิธีทำ
ผสมมายองเนส น้ำเชื่อม น้ำมะนาว พริกแดงซอย ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย มะเขือเทศราชินี ชิมให้ได้รสแซ่บๆ จากนั้นใส่ผักกาดแก้วและเนื้อปลาทูน่าลงไปคลุกเคล้าค่ะ
14.ยำแซ่บหอยแครง
วัตถุดิบสำหรับเมนูนี้มีดังนี้ค่ะ
1. หอยแครงลวกสุก
2. พริกซอย
3. ตะไคร้ซอยบาง และต้นตะไคร้ทุบเล็กน้อย
4. หอมแดงซอย
5. มะม่วงเปรี้ยว
6. สะระแหน่
7. มะนาว
8. น้ำปลา
9. น้ำเชื่อม
วิธีทำ
เริ่มจากการลวกหอยแครง
1.แช่หอยแครงในน้ำเกลือประมาณ 45 นาที เพื่อให้หอยแครงเปิดฝาคายขี้ดินออกมา
2.พอครบ 45 นาทีสังเกตุได้เลยว่าน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีขี้ดินแบบนี้เลยค่ะ
3.ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือและต้นตะไคร้ทุบเพื่อลดคาวค่ะ
4.จากนั้นนำหอยแครงลงไปลวกประมาณ 1 นาทีครึ่ง จากนั้นยกหอยแครงขึ้นแล้วแกะเอาแต่เนื้อหอยแครง พักไว้
ขั้นตอนการยำ
หาชามผสมมาซักใบ จากนั้นก็ทำการยำค่ะ ใส่พริกซอย ตะไคร้ซอย มะม่วงเปรี้ยว สะระแหน่ หอมแดงซอยลงไป บีบมะนาว เหยาะน้ำปลา น้ำเชื่อม ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ สุดท้ายใส่หอยแครงลงไปคลุกเคล้า จัดจานเสิร์ฟเป็นอันเสร็จ
1. หอยแครงลวกสุก
2. พริกซอย
3. ตะไคร้ซอยบาง และต้นตะไคร้ทุบเล็กน้อย
4. หอมแดงซอย
5. มะม่วงเปรี้ยว
6. สะระแหน่
7. มะนาว
8. น้ำปลา
9. น้ำเชื่อม
วิธีทำ
เริ่มจากการลวกหอยแครง
1.แช่หอยแครงในน้ำเกลือประมาณ 45 นาที เพื่อให้หอยแครงเปิดฝาคายขี้ดินออกมา
2.พอครบ 45 นาทีสังเกตุได้เลยว่าน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีขี้ดินแบบนี้เลยค่ะ
3.ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือและต้นตะไคร้ทุบเพื่อลดคาวค่ะ
4.จากนั้นนำหอยแครงลงไปลวกประมาณ 1 นาทีครึ่ง จากนั้นยกหอยแครงขึ้นแล้วแกะเอาแต่เนื้อหอยแครง พักไว้
ขั้นตอนการยำ
หาชามผสมมาซักใบ จากนั้นก็ทำการยำค่ะ ใส่พริกซอย ตะไคร้ซอย มะม่วงเปรี้ยว สะระแหน่ หอมแดงซอยลงไป บีบมะนาว เหยาะน้ำปลา น้ำเชื่อม ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ สุดท้ายใส่หอยแครงลงไปคลุกเคล้า จัดจานเสิร์ฟเป็นอันเสร็จ
15.ลาบแซลม่อนซาชิมิ
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 แซลม่อนซาชิมิ
2 น้ำเชื่อม
3 น้ำปลา
4 มะนาว
5 น้ำมะขามเปียก
6 พริกป่น
7 ผักชีฝรั่งซอย
8 ใบสะระแหน่
9 หอมแดงซอย
10 พริกแห้งคั่ว
11 ข้าวคั่ว
วิธีทำ
1หั่นปลาแซลม่อนเป็นเต๋าเล็ก
2 ปรุงน้ำลาบด้วย น้ำเชื่อม น้ำปลา มะนาว น้ำมะขามเปียก พริกป่น ผักชีฝรั่งซอย สะระแหน่ หอมแดงซอย ชิมให้ได้รสแซ่บๆ
3 จากนั้นนำแซลม่อนหั่นเต๋าลงไปคลุก เวลาเสิร์ฟค่อยใส่ข้าวคั่วลงไป
1 แซลม่อนซาชิมิ
2 น้ำเชื่อม
3 น้ำปลา
4 มะนาว
5 น้ำมะขามเปียก
6 พริกป่น
7 ผักชีฝรั่งซอย
8 ใบสะระแหน่
9 หอมแดงซอย
10 พริกแห้งคั่ว
11 ข้าวคั่ว
วิธีทำ
1หั่นปลาแซลม่อนเป็นเต๋าเล็ก
2 ปรุงน้ำลาบด้วย น้ำเชื่อม น้ำปลา มะนาว น้ำมะขามเปียก พริกป่น ผักชีฝรั่งซอย สะระแหน่ หอมแดงซอย ชิมให้ได้รสแซ่บๆ
3 จากนั้นนำแซลม่อนหั่นเต๋าลงไปคลุก เวลาเสิร์ฟค่อยใส่ข้าวคั่วลงไป
16.เห็ดหอมสดผัดน้ำมันหอย
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1 เห็ดหอมสด
2 น้ำมันหอย
3 ซีอิ้วขาว
4 น้ำตาลทราย
5 พริกไทยป่น
6 เหล้าจีนเล็กน้อย
7 ต้นหอมหั่นท่อน
8 กระเทียมสับละเอียด
วิธีทำ
1 ตั้งกระทะเจียวกระเทียมสับจนหอม ปรุงรสซอสด้วย น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ
2 ใส่เห็ดหอมสดลงไปผัดไวๆ ใส่เหล้าจีน ผัดไฟแรงจนกลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยไปหมด พอเห็ดเกือบสุกก็ปิดไฟเลยค่ะ เห็ดหอมจะได้กรอบๆ ไม่เละ
1 เห็ดหอมสด
2 น้ำมันหอย
3 ซีอิ้วขาว
4 น้ำตาลทราย
5 พริกไทยป่น
6 เหล้าจีนเล็กน้อย
7 ต้นหอมหั่นท่อน
8 กระเทียมสับละเอียด
วิธีทำ
1 ตั้งกระทะเจียวกระเทียมสับจนหอม ปรุงรสซอสด้วย น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ
2 ใส่เห็ดหอมสดลงไปผัดไวๆ ใส่เหล้าจีน ผัดไฟแรงจนกลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยไปหมด พอเห็ดเกือบสุกก็ปิดไฟเลยค่ะ เห็ดหอมจะได้กรอบๆ ไม่เละ